Why Network?

Why Network Marketing? ทำไมต้องทำธุรกิจเครือข่าย?

      ก่อนอื่นก็อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ว่าทำไมต้องทำธุรกิจเครือข่าย  หลังจากได้ศึกษาเรื่องเงินสี่ด้านงานสี่ประเภทแล้ว ทำให้เข้าใจว่าพื้นฐานชีวิตอย่างเราถ้าอยากรวยต้องทำธุรกิจเครือข่ายเท่านั้น ถึงจะสามรถย้ายตัวเองมาอยู่ส่วน B ของเงินสี่ด้านได้ เหตุผลนะเหรอ เอาทีละอย่างเลยละกัน
E: Employee หรือลูกจ้าง เคยเป็นมามากกว่า 10 ปี เข้าใจแล้วว่าอาชีพไม่สามารถทำให้เรามีอิสระภาพได้ ต้องตื่นแต่เช้า ออกเดินทาง รถก็ติด ทำงานหนักทั้งวันเพื่อให้คนอื่นรวย รายได้พอใช้เดือนชนเดือน เพราะเขาให้เป็นเงินเดือน ให้ใช้เป็นเดือนๆไปๆงล่ะครับ
S: Self Employ หรือเป็นลูกจ้างตัวเอง เปิดธุรกิจขนาดเล็กเป็นเจ้าของคนเดียว อย่างร้านอาหาร ร้านขายของชำ ร้านถ่ายเอกสาร ร้านขายมือถือ หรือธุรกิจแฟรนไชน์ รายได้อาจจะมากกว่า E แต่เหนื่อยมากกว่า ลงทุนมากว่า ทั้งเงิน เวลา ความรู้ความสามารถต่างๆ ใส่ลงไปให้หมด เหนื่อยหนักแต่ไม่จบสิ้นสักที หยุดทำเมื่อไหร่รายได้ก็หยุด
B: Business Owner หรือเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ จริงๆแล้วคนกลุ่มนี้เขาจะเป็นเจ้าของเครือข่ายขนาดใหญ่ที่มีการดูแลธุรกิจด้วยระบบที่ดี ทำให้เจ้าของไม่ต้องดูแลอะไรมาก หยุดไปเที่ยวไหนๆ ธุรกิจก็ยังเดินต่อได้เอง โดยมีคนกลุ่ม E และ S ทำงานให้ ไม่ได้เป็นการเอาเปรียบนะ แต่เป็นการเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน คนอีกสองกลุ่มก็เต็มใจซะด้วย
        เรามาลองยกตัวอย่างกันดูนะครับ ว่าธุรกิจเดียวกันคนสามกลุ่มเขาเอื้อประโยชน์กันอย่างไร ยกตัวอย่าง 7-Eleven
B:คือใครครับ? บริษัท CP ถูกแล้วเจ้าของ 7-Eleven เจ้าของระบบแฟรนไชน์ เจ้าของเครือข่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในรูปแบบร้านสะดวกซื้อ สิ่งที่เขาทำก็คือ ลงทุน สร้างเครือข่าย สร้างระบบ
S: คือใครครับ? เจ้าของ 7-Eleven แต่ละสาขา  เจ้าของเครือข่ายสินค้าอุปโภคบริโภคเหมือนกันไหมครับ เหมือนกันเพียงแต่ว่าเขาไม่ใช่เจ้าของระบบ เขาถึงเป็นเจ้าของเครือข่ายแค่ในซอยที่ตั้งร้านนั่นเอง เห็นข้อแตกต่างหรือยังครับ สิ่งที่เขาทำก็คือ เรียนรู้ระบบ ใช้ระบบ แล้วคนกลุ่มนี้เต็มใจที่จะทำไหมครับ เต็มใจแน่นอน ก็ทำแล้วมีรายได้
E: คือใครครับ? คงไม่ต้องบอกว่าเป็นพนักงานหรือลูกจ้างของ 7-Eleven แน่นอนรับเงินเดือน ส่วนแบ่งรายได้ก็ตามหน้าที่ สิ่งที่เขาทำก็คือ ทำตามระบบ ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องทำตามอย่างเดียว แล้วถามว่าเขาพอใจไหม ส่วนใหญ่ก็จะออกแนวๆ เหมือนลูกจ้างประจำทั่วไป ไม่พอใจแต่ก็ต้องทำ
ถ้าให้เลือกคุณจะเป็นคนกลุ่มไหนครับ
ถามใครๆก็อยากจะเป็นคนกลุ่ม B ครับ
คราวนี้เรามาวิเคราห์กันดูว่าการจะเป็นคนกลุ่ม B จะต้องทำอะไรบ้าง ก็สรุปออกมาได้ดังนี้ครับ
1. เจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ สร้างธุรกิจ และระบบเองตั้งแต่แรก
2. เข้าร่วมธุรกิจเครือข่ายกับบริษัทการตลาดแบบเครือข่าย แบบเป็นหุ้นส่วนกัน
หลายคนอาจจะยี๊เมื่อเห็นว่าเป็นธุรกิจเครือข่าย แต่...อย่าลืมนะครับว่าเรากำลังมองหาวิธีเป็นคนกลุ่ม B กันอยู่ เออๆ เป็น B ก็ได้แล้วไหนดูซิว่าต้องทำยังไง
งั้นเรามาดูข้อเปรียบเทียบระหว่างเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่และธุรกิจเครือข่าย

ปัจจัยในการพิจารณา
เจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่
ธุรกิจเครือข่าย
เงินลงทุน
สูง
ต่ำ
ความเสี่ยง
สูง
ต่ำ
สต็อกสินค้า
ต้องมีระบบสต็อก
ไม่มี
รายได้
สูง(ฃึ้นอยู่กับผลประกอบการ)
ไม่จำกัด
เมื่อสำเร็จ หยุดทำ
รายได้ไม่หยุด
รายได้ไม่หยุด
ความรู้ความสามารถ
สูง
เรียนรู้ได้
พนักงาน
มี (จ้าง/ดูแล/ควบคุม)
ไม่ใช้ลูกจ้าง(เป็นหุ้นส่วนกัน)
ระบบ
ค่อยๆสร้างไปพร้อมธุรกิจ
มีระบบให้เราได้ใช้สร้างธุรกิจเลยทันที
ที่ปรึกษา
จ้าง
ฟรี มีผู้ดูแลให้คำปรึกษา (Line Of Sponsor)
ความตั้งใจ
สูง
สูง
เวลาและการเอาใจใส่
สูง
สูง
เป้าหมายและความฝัน
สูง
สูง
การลงมือทำอย่างต่อเนื่อง
สูง
สูง

   หลายคนคงพอจะมองวิธีการที่จะย้ายตัวเองไปเป็นคนกลุ่ม B ได้แล้วใช่ไหมครับ ดูๆแล้วการสร้างธุรกิจขนาดใหญ่ของตัวเองจะต้องเป็นคนที่เก่งสุดๆเลย แต่การสร้างธุรกิจเครือข่ายไม่ได้ต้องการอะไรมากมายเลยเพียงแค่ ต้องการความตั้งใจ เวลาและการเอาใจใส่ เป้าหมาย ความฝัน และการลงมือทำอย่างต่อเนื่องก็สำเร็จได้
      I: Investor หรือนักลงทุน เหลือคนกลุ่มสุดท้ายที่ยังไม่ได้พูดถึง ก็คือกลุ่มนักลงทุน กลุ่มนี้เรียกว่าการทำงานแบบเงินต่อเงิน มีเงินเยอะแล้ว นำไปฝากกินดอกเบี้ย ซื้อหุ้นเก็งกำไรหรือปันผล ซื้อที่ดิน สร้างคอนโดให้เช่า สังเกตดูทุกๆอย่างถ้าจะทำต้องมีเงินเยอะๆก่อน ทุกว้นนี้ท่านมีเงินหรือยังครับ ส่วนผมกลุ่มนี้คงต้องมองผ่านไปก่อนล่ะ